ลองนึกภาพการใช้ชีวิตคนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมลอยฟ้า ในตึกใหม่ที่เงียบกริบจนแทบไม่ได้ยินอะไรจากข้างนอก แม้แต่ในเมืองใหญ่ที่มีคนพลุกพล่าน การอยู่แบบนี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกได้เหมือนกัน ไม่ต่างจากการอยู่ในบ้านชานเมืองที่เหงาๆ ที่เรามักเห็นในหนัง แต่คราวนี้ เรื่องราวมันเกิดขึ้นในอพาร์ตเมนต์สูงเสียดฟ้า ที่แค่เปิดหน้าต่างออกไปก็เห็นเมืองทั้งเมือง แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ไกลจากทุกอย่าง

นี่คือชีวิตของ อดัม รับบทโดย แอนดรูว์ สก็อตต์ ตัวเอกของเรื่อง “All of Us Strangers” เขาอาศัยอยู่ในแฟลตชานเมืองลอนดอน วันๆ เอาแต่นอนดูทีวีบนโซฟา กินมันฝรั่งทอดกรอบ และพยายามเขียนบทหนังแบบครึ่งๆ กลางๆ สวมเสื้อสเวตเตอร์ที่ขี้เหร่จนน่าตกใจ เขาเป็นเกย์ ที่มีวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความเศร้า และเป็นนักเขียนที่พ่อเคยบอกว่า “รู้เรื่องโลกน้อยกว่าใคร” อดัมเหมือนคนที่เกิดมาเพื่ออยู่กับความเหงา เขามองเมืองจากหน้าต่าง แต่ไม่เคยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของมัน

หนังเรื่องนี้กำกับและเขียนบทโดย แอนดรูว์ ไฮก์ ดัดแปลงมาจากนิยายญี่ปุ่น “Strangers” ของ ไทจิ ยามาดะ ที่เล่าเรื่องนักเขียนที่หย่าร้างและได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งในตึก แต่ไฮก์เอามาปรับใหม่ให้เป็นเรื่องของชายรักชายที่มีอารมณ์ลึกซึ้งกว่าเดิม เขาเคยทำหนังอย่าง “Weekend” และซีรีส์ “Looking” ที่เล่าเรื่องความรักและความรู้สึกของคนกลุ่มนี้ได้อย่างถึงใจ และคราวนี้เขาก็ใส่หัวใจลงไปด้วยเต็มๆ

ช่วงแรกของหนังชวนงงนิดหน่อย เหมือนไฮก์อยากให้เราทายว่านี่มันหนังแนวไหนกันแน่ บางทีอดัมดูเหมือนเป็นคนสุดท้ายบนโลกจริงๆ แต่แล้วคืนหนึ่ง แฮร์รี่ รับบทโดย พอล เมสคาล ที่ไว้หนวดเท่ๆเสวๆ โผล่มาพร้อมขวดวิสกี้ เคาะประตูห้องเขา ดูเหมือนทั้งตึกมีแค่สองคนนี้ อดัมเก้ๆ กังๆ ไม่ยอมให้แฮร์รี่เข้าไป เพราะเขาชินกับการอยู่คนเดียว หรืออาจกลัวว่าถ้าเปิดประตูแล้ว ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไป

จากนั้น เรื่องราวเริ่มเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ อดัมกลับมาที่ห้อง แล้วชีวิตที่เคยจืดชืดก็เริ่มมีสีสัน เขาค่อยๆ ตกหลุมรักแฮร์รี่ จากความลังเลกลายเป็นความหลงใหล เขาเริ่มเปิดใจ ทลายกำแพงที่ปิดกั้นตัวเองออก แล้วตั้งคำถามว่า “ชีวิตจะดีกว่านี้ได้มั้ย? การรักใครสักคนมันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือเปล่า? และถ้าพ่อแม่เขายังอยู่ พวกเขาจะว่ายังไงกับเขาตอนนี้?”

หนังเรื่องนี้เหมือนความฝันที่สวยงามแต่แฝงความหลอน มันพาเราไปกับความรักที่เปลี่ยนโลกของอดัมจากขาวดำเป็นสีสดใส แต่ก็มีจุดที่ท้าทาย เรื่องราวมันมีความน้ำเน่า ผีๆ นิดๆ ซึ่งบางทีอาจดูเกินไปจนเกือบน้ำเน่า ครั้งแรกที่ดู คุณอาจจะนั่งขมวดคิ้ว พยายามคิดว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ถ้าดูครั้งที่สอง ลองปล่อยใจไปกับมัน แล้วแค่รู้สึกตาม ไม่ต้องคิดเยอะ แล้วคุณจะหลงรักตัวละครทั้งสองคน

“All of Us Strangers” เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความเหงา ซึ่งอดัมเหงาทั้งกายและใจ เหงาจากสิ่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ทริปที่ไม่เคยได้ไปกับพ่อแม่ ต้นคริสต์มาสที่ไม่เคยได้ตกแต่ง หรือคำปลอบจากพ่อที่เขาไม่เคยได้ยิน ถ้าคุณเคยเสียคนที่รักไปแบบกะทันหัน โดยไม่มีโอกาสบอกลา คุณจะเข้าใจความรู้สึกนี้ คุณจะนั่งสงสัยว่า ถ้าพวกเขาอยู่ เขาจะชอบคุณคนนี้ไหม จะภูมิใจในคุณหรือเปล่า หรือจะปฏิเสธความเป็นคุณ และเมื่อไม่มีคำตอบ เราได้แต่จินตนาการ และปลอบตัวเองด้วยภาพของคนที่จากไป

“ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าในครอบครัวตัวเองเสมอ” แฮร์รี่เป็นคนพูด และประโยคนี้มันรู้สึกหนักหน่วงจริงๆ มันทำให้เราคิดว่า บางทีเราทุกคนก็เป็นแบบนั้นแหละ เป็นคนแปลกหน้าในชีวิตตัวเอง ในเมืองที่เราอยู่ ในร่างกายของเรา และทั้งชีวิตนี้ เราก็แค่พยายามหาทางกลับไปสู่ความคุ้นเคย หนังเรื่องนี้อาจจะเศร้า แต่มันสวยงาม และทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เหงาคนเดียว
หาดูได้ที่ Disney+ และได้คะแนนรีวิวสูงเวอร์ จาก Tamato 96% และ Popcorn 91%