ถ้าพูดถึงความงามและความเยาว์วัย คงมีคำมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว ตั้งแต่ผิวเด้ง หน้าใส ไร้ริ้วรอย ไปจนถึงผิวฉ่ำวาว แต่ตอนนี้มีคำใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการความงาม นั่นคือ “ไขมัน” ค่ะ เทรนด์ล่าสุดที่เรียกว่า “ฟิลเลอร์จากธรรมชาติ” กำลังทำให้ใบหน้าอวบอิ่มแบบเด็กทารกกลับมาเป็นที่นิยม วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ fat grafting ที่กำลังฮิต ในวงการศัลยกรรมความงามของอเมริกา
ในอดีต วงการความงามมุ่งกำจัดริ้วรอยเป็นหลัก แต่เดี๋ยวนี้ความเยาว์วัยไม่ได้อยู่แค่ผิวเรียบเนียน ดร.ลารา เดฟกัน ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังจากนิวยอร์ก บอกว่า “ความอ่อนเยาว์คือความอวบอิ่มของใบหน้า” เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ใบหน้าจะสูญเสียวอลลุ่มจากกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน ทำให้ผิวดูแบนและบางลง โดยเฉพาะคนที่ลดน้ำหนักเร็ว ๆ จากยา GLP-1 อาจหน้าโทรมได้ง่าย ๆ
เทรนด์นี้ไม่ได้มาแค่ในวงการศัลยกรรมนะคะ แต่ยังเห็นได้จากเมคอัพด้วย บลัชออนกลายเป็นไอเท็มยอดฮิตอันดับหนึ่งใน Amazon ปี 2024 เพราะทุกคนอยากได้แก้มแดงระเรื่อแบบซาบริน่า คาร์เพนเตอร์ ส่วนเฮลีย์ บีเบอร์ก็เคยประกาศว่า “แก้มเด็กทารก” คือเทรนด์สุดปังแห่งซัมเมอร์ แม้แต่บลัชออนจาก Westman Atelier ยังตั้งชื่อว่า Baby Cheeks

Fat grafting คือการศัลยกรรมที่นำไขมันจากส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือข้อเท้า มาฉีดเติมในส่วนที่ต้องการ เช่น แก้ม ขมับ ใต้ตา หรือรอยพับรอบปาก ดร.บาบัก อาซิซซาเดห์ ศัลยแพทย์จากลอสแอนเจลิส ถึงกับบอกว่า “ผมรักไขมัน” เพราะมันช่วยคืนความอวบอิ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ สถิติจาก American Academy of Facial Plastic and Reconstructive Surgery ปี 2024 เผยว่าการย้ายไขมันเพิ่มขึ้นถึง 50% เลยทีเดียว
ดร.เดฟกัน เรียกการ Fat grafting ว่า “ฟิลเลอร์จากธรรมชาติ” เพราะมันคือเซลล์ของเราเองที่ถูกนำมาใช้ใหม่ แถมยังยั่งยืนกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป “มันไม่ใช่แค่ปรับรูปหน้า แต่ช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์” โดยส่วนใหญ่ การย้ายไขมันมักทำควบคู่กับการยกกระชับใบหน้า เหมือน “ครีมหน้าเค้ก” ที่ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์
การย้ายไขมันมี 3 แบบให้เลือกแล้วแต่ใครจะต้องการแบบไหน
- มาโครแฟต เหมือนช่อองุ่น ช่วยเติมวอลลุ่มใหญ่ ๆ เช่น ทำให้แก้มดูอวบอิ่มหรือปรับรูปหน้า
- ไมโครแฟต เหมือนองุ่นเม็ดเล็ก ใช้เติมรอยย่นหรือริ้วรอยบาง ๆ
- นาโนแฟต เหมือนน้ำองุ่น ไม่เพิ่มวอลลุ่ม แต่มีสเต็มเซลล์และสารที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส
ดร.แอล. ไมค์ นายัค จากเซนต์หลุยส์ อธิบายว่าไขมันเป็นเนื้อเยื่อที่มีชีวิต ต่างจากฟิลเลอร์ที่อาจดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่ฟิลเลอร์มักดูชัดเกินไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนหันมาสนใจการใช้ไขมัน เพราะกลัวผลลัพธ์แบบฟิลเลอร์ที่อาจจะโป๊ะ
ถึงแม้คำว่า Fat grafting ฟังแล้วเหมือนจะดูดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับวิธีนี้ เพราะมันเป็นศัลยกรรมถาวรและผลลัพธ์อาจคาดเดาได้ยาก ดร.ฌอน อาเลมี บอกว่าเซลล์ไขมันจำแหล่งกำเนิดได้ ถ้าย้ายไขมันจากต้นขามาใบหน้า มันอาจยังโตเหมือนอยู่ที่ต้นขา ซึ่งอาจไม่ดีสำหรับคนที่น้ำหนักขึ้นง่าย ดร.เดฟกันแนะนำว่าวิธีนี้อาจเหมาะกับผู้หญิงวัย 40 ขึ้นไป หรือคนที่น้ำหนักคงที่ เพราะไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องน้ำหนักมาก