
ที่ผ่านมาหลังจากเขื่อนเปิดตัวและมักจะพูดคำว่า ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ให้ตัวเองเสมอ แม้จะถูกบางคนจิกกัดในทางลบต่างๆนานา แต่เขื่อนก็ยังคงดำเนินชีวิตปกติ
แต่ล่าสุดได้มีคนเข้าไปคอมเมนต์ในอินสตาแกรมของเขื่อนว่า ‘เธอไม่ใช่ผู้หญิง คิดว่าพ่อจะมองเธอยังไง’ เขื่อนเลยชวนพ่อมาทำคลิปตอบกลับคอมเมนต์ โดยพ่อตอบกลับว่า ‘ปัญหาของเขา อย่าไปสนใจ ช่างหัวมัน กูรักมึงก็พอละ’

ทำให้เห็นว่าครอบครัวของเขื่อนสามารถยอมรับได้ถึงแม้ว่าเขื่อนจะคลิปกับแม่บ่อยกว่าพ่อ ก็ไม่ได้หมายความมว่าพ่อของเขื่อนไม่ยอมรับ
เขื่อนยังได้กล่าวอีกว่า ‘ค่อยๆบอกกู เดี๋ยวป๊าเป็นลม กูรับได้แต่ขอเวลาหน่อย นี่คือประโยคที่ปะป๊าตอบเขื่อน ตอนที่ come out และบอกคุณพ่อว่าหนูกำลังจะไปแต่งงานแล้วนะ การใช้/การให้เวลา ในการทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง’

ไม่ว่าจะเป็นการ come out หรือเรื่องอื่นๆ กับคนในครอบครัว คนใกล้ตัว หรือไกลตัว เป็นสิ่งที่สำคัญแต่ถูกพูดถึงน้อยมากค่ะ หลายๆครั้งการยอมรับเกิดจากความเข้าใจและการเรียนรู้ ซึ่งหลายๆเหตุการณ์ต้องใช้เวลาในการเปิดใจ และเข้าใจว่าบางสิ่งอาจจะไม่เหมือนที่วาดฝันไว้
แน่นอนว่าเราหลายๆคนต้องการการยอมรับ หรือการเข้าใจในทันที แต่ประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของทุกๆคนย่อมไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก็ต้องให้พื้นที่และอาศัยเวลาที่จะได้ explore ไปด้วยกัน คุณพ่อเขื่อนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้เวลาซักพักที่จะเข้าใจว่าภาพของลูกชายที่เค้าวาดไว้ ที่ฝันไว้

ก็คงจะไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ เราสองคนสื่อสารกันตลอด จนคุณพ่อก็เดินทางมาถึงจุดที่แยกได้ว่าอันนั้นคือความฝันของตัวเอง แล้วอันไหนคือสิ่งที่ลูกเลือกที่จะทำ และคุณพ่อก็ซัพพอร์ตทุกการเลือกที่จะเป็นของเขื่อนมาตลอด
สิ่งที่คุณพ่อพูดตลอดเวลาคุยกันเสร็จ ไม่ว่าจะโทรศัพท์ หรือ ดื่มสุราด้วยกันก็คือ “กุรักมึงนะ” แล้วก็ทำหน้าเขินๆเดินจากไป หรือวางสายโทรศัพท์แบบเขินๆตลอด ซึ่งสำหรับเขื่อนคือน่ารักมากๆเลยค่ะ ทุกวันนี้เราสองคนพ่อลูกเข้าใจกัน และ ซัพพอร์ตกันและกันในทุกๆเรื่อง
การยอมรับบางทีก็ไม่เกิดขึ้นกับ Givien family หรือครอบครัวที่เราเกิดมานะคะ ไม่ว่าเราจะให้เวลาเค้ามากแค่ไหนก็ตาม การยอมรับมันก็ไม่เกิดขึ้น ไว้มีโอกาสจะมาอธิบายเรื่อง Given family กับ Choosen family ให้ฟังนะคะ ขออนุญาตส่งกำลังใจให้ทุกๆคน อยู่ตรงนี้เสมอนะคะ
อ้างอิง เขื่อน ภัทรดนัย