
ถ้าจะพูดถึงเรื่องแฟชั่นชั้นในของผู้ชายเนี่ย มันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นเยอะเลยนะคะ โดยเฉพาะเรื่อง “ขอบกางเกงใน” ที่โผล่พ้นเอวกางเกงมาแบบแอบยั่ว ๆ ไม่ว่าจะเป็นขอบยางยืดของบ็อกเซอร์หรือขอบผ้าบาง ๆ ของบรีฟ บางทีมันก็กลายเป็น “ตัวจุดไฟ” อารมณ์ความคันปิของบรรดาเก้งกวางหรือกะเทยได้แบบไม่รู้ตัว วันนี้เราจะมาแกะรหัสลับกันแบบขำ ๆ ว่าทำไมแค่ขอบผ้าชิ้นเล็ก ๆ ถึงส่งผลต่อความคันปิได้ขนาดนี้
1. ขอบกางเกงในเท่ากับสัญญาณลับของความเซ็กซี่
ลองนึกภาพตามนะ ผู้ชายเดินไปเดินมา เสื้อยืดยกขึ้นนิดนึง ขอบกางเกงในโผล่ออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนเป็น teaser ที่ไม่ต้องพูดเยอะแต่สื่อออกมาได้ลึกซึ้งอะ สำหรับเกย์หรือกะเทยหลายคน การเห็นขอบกางเกงในมันเหมือนได้แอบมองอะไรที่ “ส่วนตัว” แต่ไม่ส่วนตัวเกินไป เป็นเขตแดนระหว่างสาธารณะกับลับเฉพาะที่ชวนให้ใจเต้นตึกตัก แถมถ้าเป็นแบรนด์ดัง ๆ อย่าง Calvin Klein หรือ Supreme ถ้าใครชอบไทยบ้านก็ Rosso อารมณ์ยิ่งพุ่ง เพราะมันบ่งบอกสไตล์และรสนิยมไปในตัว หรือบางคนอาจจะมีรสนิยมชอบขอบ Cailv Kailun หรือ Cailv Kerini ก็แล้วแต่จะสะดวกนะคะ
2. ความแมน ที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดของดีไซน์
ผู้ชายบางคนใส่กางเกงในแบบไม่สนโลก แต่สำหรับคนที่เลือกแบบมีขอบเด่น ๆ มันเหมือนเป็นการบอกว่าฉันใส่ใจนะในการเลือกใส่กางเกงใน ฉันมีเทสนะ ซึ่งความมั่นใจแบบนี้แหละที่ดึงดูดสายตาได้ดี๊ดี โดยเฉพาะกับเก้งที่อาจจะมองว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความแมนแบบ subtle ไม่ต้องโชว์กล้าม แต่ก็ยังดูมีเสน่ห์แบบผู้ชายเต็มตัว ส่วนกะเทยบางคนก็อาจจะกรี๊ดในใจว่า งานดีอะ ขอบแบบนี้ต้องมีอะไรให้ลุ้นเพิ่มแน่

3. พวกจะเทยมันชอบจินตนาการ
ขอบกางเกงในมันเหมือนหนังตัวอย่างที่ยังไม่ถึงฉากสำคัญอะแหละ เห็นแค่ขอบ แต่สมองมันเริ่มทำงานแล้ว มันชวนให้คิดต่อว่า “ข้างล่างจะเป็นยังไงนะ?” หรือ “คนนี้ดูแลตัวเองดีแค่ไหน?” ซึ่งสำหรับเกย์กะเทยที่อาจจะมีหัวจินตนาการเป็นเลิศชนิดไวเป็นพิเศษ แค่ขอบนิดเดียวก็เพียงพอที่จะจุดประกายความตื่นเต้นได้แล้ว ไม่ต้องเห็นอะไรเยอะ แค่ขอบก็พาไปไกลถึงไหนต่อไหน
4. เรื่องของบริบทและโมเมนต์
ลองคิดถึงสถานการณ์ที่เห็นขอบกางเกงในสิ เช่น ตอนผู้ชายก้มหยิบของแล้วขอบโผล่ หรือตอนนั่งแล้วเสื้อร่นขึ้น มันเป็นโมเมนต์ที่ไม่ได้ตั้งใจแต่ดูเป็นธรรมชาติสุด ๆ ซึ่งความเป็นธรรมชาตินี่แหละที่ทำให้รู้สึก “จริง” และ “ใกล้ชิด” มากกว่าการโพสท่าแบบตั้งใจโชว์ แถมบางคนยังชอบความตื่นเต้นแบบเห็นแล้วต้องแอบมองอีกต่างหาก มองแล้วมองอีก จนต้องกลับบ้านไปตำน้ำพริก
สุดท้ายเรื่องการดึงดูดทางเพศ มันอาจจะเเกี่ยวข้องกับแนวคิดที่เรียกว่า “sexual signaling” หรือการส่งสัญญาณทางเพศผ่านเสื้อผ้าและพฤติกรรม ซึ่งขอบกางเกงในก็อาจจะนับเป็นหนึ่งในนั้นได้ เอาจริง ๆ ขอบกางเกงในมันเหมือนเครื่องปรุงเล็ก ๆ ที่ทำให้ผู้ชายมันดูน่ากินขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกย์ กะเทย หรือใครก็ตามที่มอง แค่ขอบนิดเดียวก็พาใจสั่นได้ทั้งวัน เพราะฉะนั้นรณรงค์ให้ผู้ชายแต่งตัวให้เห็นขอบกางเกงในค่ะ จบ